ซีบัคธอร์น คืออะไร? : What's Seabuckthorn?
ซีบัคธอร์น มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Hippophae Rhamnoides
เป็นพืชยืนต้น ทรงพุ่มไม้หนา มีหนามมาก ใบเขียวตลอดปี เจริญเติบโตตามธรรมชาติภายใต้สภาพแวดล้อมที่เลวร้ายบนพื้นที่แห้ง แล้งและเป็นดินทรายที่ขาดความอุดมสมบูรณ์ สามารถทนต่อสภาพอากาศที่หนาวจัดและดินเค็มได้ ซีบัคธอร์นสามารถเจริญเติบโตได้ในอุณหภูมิ -40 ถึง 40 องศาเซลเซียส และเป็นพืชที่ต้องการแสงมาก จึงไม่สามารถอยู่ในร่มเงาไม้ใหญ่ได้
พบมากทั้งทวีปยุโรปและเอเชีย ในทวีปเอเชียพบในปากีสถาน มองโกเลีย อินเดียที่ระดับความสูง 4,000 เมตรจากน้ำทะเล ทางแถบตอนเหนือและตะวันตกของจีน รวมถึงที่ราบสูงชิงไห่-ธิเบต ซึ่งอยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเลถึง 5,000 กว่าเมตร
ซีบัคธอร์นจัดเป็นพืชที่มีคุณค่าทางโภชนาการมาก
ผลิตภัณฑ์โดยส่วนใหญ่จะใด้จากส่วนผลของซีบัคธอร์น (Berries) น้ำมัน (Oil) และใบ (Leave) เป็นต้น โดยทั่วไปแล้วจะไม่นิยมนำผลซีบัคธอร์นมากินดิบๆ เพราะซีบัคธอร์นมีรสชาติเปรี้ยวจึงมีความเป็นกรดสูง ดังนั้นจึงได้มีการนำมาผ่านกรรมวิธีเพื่อลดความเข้มข้นลงด้วยการเพิ่มความ หวานลงไป เช่น เพิ่มน้ำแอ๊ปเปิ้ล หรือน้ำองุ่นลงไป เป็นต้น หรือนำผลซีบัคธอร์นมาทำเป็นแยม หรือ พายต่างๆ ไวน์ และผลิตภัณฑ์เสริมอาหารต่างๆ เป็นต้น และยังได้มีการนำซีบัคธอร์นมาทำเป็นเครื่องประทินผิว ได้แก่ ครีม และโลชั่น
นอก จากนี้ยังได้มีการใช้ซีบัคธอร์นมาทำเป็นสีย้อมผ้าในแถบยุโรปตะวันออก
อีกทั้งน้ำมันจากผลซีบัคธอร์นยังได้นำมาใช้ในทางการแพทย์เพื่อบรรเทาอาการ ของโรคต่างๆ เช่น โรคแผลในกระเพาะอาหาร คอเจ็บ หรือภาวะลำไส้ใหญ่เป็นแผล เป็นต้น รวมถึงวงการอวกาศด้วย ในประเทศรัสเซีย นักบินอวกาศยังได้ใช้น้ำซีบัคธอร์นเป็นอาหารและใช้ครีมทาผิวของซีบัคธอร์นใน การป้องกันการกระจายรังสีจากอวกาศ
ในประเทศจีนก็ได้มีการใช้ซีบัคธอร์นเป็นเครื่องดื่มอย่างเป็นทางการสำหรับ นักกีฬาที่เข้าร่วมโอลิมปิค ณ กรุงโซล ประเทศเกาหลี (ข้อมูลจาก http://en.wikipedia.org/wiki/Seabuckthorn และ Rongsen, 1992) จะเห็นได้ว่า น้ำมันซีบัคธอร์น ถูกนำไปใช้อย่างแพร่หลายในวงการต่าง ๆ นับได้ว่าการค้นคว้าวิจัยในการนำซีบัคธอร์นมาใช้ให้เป็นประโยชน์ไม่หยุดยั้ง นั้น จึงมีนัยสำคัญเป็นอย่างยิ่ง
การวิเคราะห์ส่วนประกอบของซีบัคธอร์น
การวิเคราะห์ส่วนประกอบด้วยวิธีทางเคมีชี้ชัดว่า ซีบัคธอร์นอุดมไปด้วยวิตามินซี วิตามินอี แคโรทีน กรดอะมิโนหลายชนิด โอเมก้า 3,6,และ9
เฟโวนอยด์ เลซิติน ฟีนอล แร่ธาตุและโปรตีนที่ร่างกายต้องการ เป็นต้น โดยมีวิตามินซีสูงกว่าผลไม้ทุกชนิด แคโรทีนสูงกว่าอาหารชนิดอื่น นอกจากนี้ ในน้ำมันเมล็ดซีบัคธอร์นยังอุดมไปด้วย SOD โดยมีปริมาณ เข้มข้นกว่าโสมถึง 4เท่า ช่วยแก้พิษ กระตุ้นการผลัดเซลล์และสร้างเซลล์ใหม่ เป็นแหล่งสารอาหารสำคัญที่ช่วยเสริมสร้างภูมิต้านทาน ต้านเนื้องอก ต้านรังสี ชะลอความชรา
ในซีบัคธอร์นอุดมไปด้วยกรดไขมันไม่อิ่มตัวถึง 80% กรดอะมิโน 18 ชนิดที่ร่างกายต้องการล้วนมีอยู่ครบและมีปริมาณสูง นอกจากนี้ยังมีแร่ธาตุ 12 ชนิด ที่ร่างกายต้องการ เช่น แคลเซียม เหล็ก สังกะสี โปตัสเซียม ซีเลเนียมในปริมาณที่สูงมาก จึงมีคุณสมบัติต้านทานความอ่อนเพลีย เพิ่มพละกำลังและต้านมะเร็ง ช่วยปกป้องซ่อมแซมเยื่อหุ้มกระเพาะ ลดคลอเลสตรอรอลในโลหิต ขจัดไขมันที่เกาะตามผนังหลอดเลือด ป้องกันภาวะไขมันในเลือดสูง และโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ กระตุ้นการซ่อมแซมตัวเองของบาดแผล มีประสิทธิภาพในการรักษาผิวหนังที่ถูกไฟลวก โรคแผลในกระเพาะและลำไส้ บรรเทาอาการปวดแน่นหน้าอกได้ถึง 94%
ที่มาของบทความ : www.snethai.com
